วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ข่าวสารประจำสัปดาห์ ที่ 6

จอมโจรหนอนหนังสือ

“หยุดนะ ยกมือขึ้น อย่าตุกติก ไม่งั้นมึงตาย” ปืนจ่อมาที่หัวของผม เขากระชากเสียงออกมาผ่านถุงน่องที่ใช้คลุมหัวเอาไว้อำพรางใบหน้าที่แท้จริง แต่เนื่องจากเขาใส่เสื้อแขนสั้นสีดำจึงเห็นรอยสักเต็มท่อนแขนทั้งสองข้างแบบ “ยากูซ่า” หากแต่เขาเป็นคนผิวคล้ำ สีสันจึงมีเพียงสีดำ ที่แทบจะกลืนหายไปกับสีผิว
“มึงไปหยิบหนังสือตามรายชื่อนี้มาให้กูเดี๋ยวนี้” มันพูดขณะยื่นแผ่นกระดาษยับยู่ยี่ เมื่อคลี่ออกอ่านก็พบกับรายชื่อหนังสือปรัชญาและวรรณกรรมดีๆ ทั้งไทยและเทศอีกหลายเล่ม ผมแปลกใจในสิ่งที่เขาต้องการ เงินในเคาน์เตอร์มีอยู่นับหมื่นบาท แต่เขาไม่ใยดีสักนิด เขากวาดสายตาภายใต้ถุงน่องมองหนังสือ ในร้าน มือถือปืนหันรีหันขวาง ปากตะโกนสั่งให้ลูกค้าทุกคนห้ามออกจากร้าน
ในร้านมีลูกค้าอยู่เพียง 2 คน ซึ่งเป็นผู้หญิงกับเด็ก ทั้งสองยังอยู่ในอาการตกใจ หวาดวิตกในความมีอยู่ของตนเอง (บางครั้งคนเราอยากมีอยู่ แต่บางเวลาก็ไม่อยากมีอยู่ มนุษย์นี่เข้าใจยากจริง) ผู้เป็นแม่พยายาม ปลอบประโลมลูกชาย อายุคงประมาณ 10 ขวบ ที่กำลังร้องโฮ ด้วยความตกใจ จนร่างสั่นสะทก ราวลูกนกตกน้ำ ให้บรรเทาความหวาดหวั่นลง แต่ผู้เป็นแม่แสดงความประหม่าหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด จากริมฝีปากที่สั่นระริก และดวงตาฉายสาดความหวาดวิตกออกมาอย่างชัดเจน
พนักงานในร้านมีอีกคนเป็นรุ่นพี่ของผม เขาอยู่บนชั้นสอง ผมไม่รู้ว่าเขารู้รึเปล่าว่าตอนนี้มีการปล้นเกิดขึ้นในร้าน ผมนำหนังสือที่เขาต้องการ มาให้ แต่ขาดไป 3 เล่ม เพราะขายหมดไปแล้ว นั่นคือ เอ็นเนียแกรม ศาสตร์เพื่อความเข้าใจตนเองและผู้อื่น เฮเลน พาร์มเมอร์ : เขียน วาจาสิทธิ์ ลอเสรีวานิช : แปล , ดอกไม้ไม่จำนรรจ์ เซนไค ชิบายามะ : เขียน พจนา จันทรสันติ : แปล และ โลกของจอม เขียนโดย ทินกร หุตางกูร
“ให้ตายสิ ทำไมดันมาหมดเอาวันนี้ด้วยวะ” มันดึงถุงก๊อบแก๊บ ที่บรรจุหนังสือไว้ประมาณ20 เล่มออกจากมือผม แล้วค่อยๆ ถอยหลังเข้าหาประตู ปืนในมือของเขายังคงกวัดแกว่งไปมา ราวกับเกรงว่าใครจะฉวยโอกาสโจมตีเขาเมื่อหันหลังให้ แต่คงไม่มีใครโง่ยอมเอาชีวิตตัวเองเข้าแลกกับหนังสือไม่กี่เล่มหรอก เพราะมันไม่ใช่หนังสือที่มีเล่มเดียวในโลกสักหน่อย
เย็นวันนั้น ตำรวจก็มาสอบปากคำ ผมกับพยานหลายคนเห็นเหตุการณ์ ตอนมันโบกจี้รถแท็กซี่หนีไปหน้าตาเฉย แท็กซี่คันนั้นก็ให้การว่า มันสั่งให้จอดในซอยเปลี่ยวแห่งหนึ่งย่านมีนบุรี แล้วมันก็หายเข้ากลีบเมฆ ตำรวจเองก็ดูไม่ค่อยกระตือรือร้นกับคดีแปลกๆ แบบนี้สักเท่าไหร่ เพราะของที่ถูกปล้นไปเป็นเพียงหนังสือไม่กี่เล่ม

เกือบ 4 เดือน ผมก็ได้อ่านข่าวการปล้นหนังสือ อีกครั้ง มันมาในลักษณะเดิม คือใช้ถุงน่อง คลุมหัว ต้องการเพียงหนังสือวรรณกรรม และปรัชญาเท่านั้น และเปิดเผยรอยสักให้เห็นชัดเจน

การปล้นอย่างอุกอาจครั้งที่ 6 จึงทำให้ตำรวจเริ่มหันมาสนใจมากขึ้น คงเพราะ คดีนี้ นักข่าวให้การติดตามอย่างต่อเนื่อง ถึงขนาดทำเป็นสกู๊ปพิเศษถ่ายทอดทางทีวี เรื่อง “จอมโจรหนอนหนังสือ” บางคนคาดการณ์ว่า มันไม่น่าเอาไปอ่าน มันอาจเอาไปขายเพื่อได้เงิน แต่ความเห็นนี้ก็ถูกโต้แย้ง อย่างหนักหน่วง ว่าเป็นความคิดที่โง่เง่ามาก เพราะหากมันต้องการเงิน มันก็สามารถหยิบจากในเคาน์เตอร์ได้ทันที
ทุกๆ 3 เดือนมันจะทำการปล้น 1 ครั้ง เป้าหมายเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่ส่วนใหญ่มักเป็นแถบชานเมือง
หลังจากปล้นไป 8 ครั้ง ข่าวคราวการปล้นก็ เงียบหายไปอีกราวๆ 8 เดือน มันก็กลับมาอาละวาดอีก แต่คราวนี้จุดหมายของมันอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช วันที่มันเลือกปล้นดันเป็นวันที่ คุณชวน กอบโกย มาพบแฟนๆ หนังสือ เพื่อแจกลายเซ็น และเสวนาเรื่องหนังสือเล่มใหม่ของเขา ซึ่งเป็นเรื่องของ ศาสดาองค์ใหม่ ที่เหมาะสมกับยุคนี้ชื่อเรื่องว่า “กูคือศาสดา”
ก่อนเผ่นออกจากร้านพร้อมหนังสือ มันก็ไม่ลืม ขอให้คุณชวนเซ็นชื่อในหนังสือให้มันด้วย คุณชวนต้องลนลานเซ็นให้มันด้วยมือที่สั่นเทา จนแทบอ่านไม่ออก
“เขียนว่ามอบให้ กับ จอมโจรหนอนหนังสือ นะครับ”
คุณชวนผงกหัวหงึกๆ เขียนตามที่มันขอ แล้วลงไปนอนหมอบอยู่กับพื้นเช่นเดียวกับคนอื่นๆในร้าน จากนั้นมันก็ล่าถอยไปโดยไม่ได้ทำร้ายใคร

อธิบดีกรมตำรวจถึงกับออกมาแถลงข่าวว่าจะทำการจับกุมจอมโจรหนอนหนังสือให้ได้ ผู้ใดชี้เบาะแส ทางการจะมีรางวัลนำจับให้ ปรากฏว่า หนอนหนังสือ หลายคนถูกจับมาเพราะมีหนังสือมากผิดสังเกต แต่เมื่อสอบสวน ก็ล้วนเป็นผู้บริสุทธิ์ด้วยกันทั้งนั้น
จอมโจรหนอนหนังสือกบดานเงียบไปหลายเดือน ไม่ออกมาแสดงผลงานอีกเลย หลังจากอาละวาด
มาเกือบ 2 ปี จนหลายคนคิดว่าเขาคงเลิกภารกิจปล้นหนังสือไปแล้ว ตอนนี้มันอาจเปลี่ยนใจไปขายน้ำเต้าหู้ก็ได้ใครจะรู้ แต่หลายคนลงความเห็น “ความน่าจะเป็น” ว่ามันน่าจะไปเปิดร้านขายหนังสือ

1 ปี กับอีก 4 เดือนที่มันหายไป ในที่สุดมันก็กลับมาอีกครั้ง และครั้งนี้ก็เป็นที่เดิมที่มันเคยปล้น ในครั้งแรกนั้นคือ ร้านที่ผมทำงานเป็นพนักงานขายหนังสือตำแหน่งต๊อกต๋อยอยู่นี่
มันเข้ามาและปฏิบัติการเช่นเดิม เหมือนวีซีดีแผ่นเก่าที่ฉายซ้ำ หากแต่ผิดกันที่ว่าวันนี้มีตำรวจนอกเครื่องแบบอยู่ในร้านด้วย ผมเห็นวิทยุสื่อสาร ปืน และกางเกงของเขาที่เป็นสีกากี รองเท้าหนังขัดมันสีดำ จึงดูออกว่าเป็นตำรวจ เขากำลังเลือกซื้อหนังสือธรรมะที่เขียนโดยท่านพุทธทาส กลับไปอ่านสักเล่ม เมื่อเขาได้ยินเสียงร้องของพนักงานขายหญิงเพื่อนผม ตำรวจคนนั้นก็โผล่หน้าออกมาดูเหตุการณ์ เขาแอบหลบอยู่ข้างชั้นวางหนังสือด้านใน จากมุมที่เขาอยู่สามารถมองเห็นสถานการณ์ ได้ชัดเจน
เมื่อผมยื่นถุงหนังสือให้มัน มันกำลังจะจากไป ตำรวจนายนั้นก็ออกมาพร้อมกับปืนลูกโม่ดำเมี่ยม ในมือที่กระชับแน่นสั่นเล็กน้อย คงอาจเพราะเป็นครั้งแรกที่เขาต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ไม่ปรกติแบบนี้
“หยุดนะ จอมโจรหนอนหนังสือ”
สองมือกุมปืนแน่นชี้ไปยังร่างที่ยืนหันรีหันขวาง หัวคลุมถุงน่อง มือถือปืนยกส่องไปหาตำรวจนายนั้นเช่นกัน
“วางปืนลง” ตำรวจนายนั้นตะโกนเสียงดัง แววตายังมีความหวั่นเกรงเจือปนอยู่
“ยอมมอบตัวซะดีๆ” เขาตะโกนอีกครั้ง
มันชี้ปืนไปยังร่างตำรวจแล้วไม่พูดสิ่งใด เหนี่ยวไกลั่นสนั่นด้วยเสียงปืน
“โอ๊ย” ลูกปืนเข้าที่ไหล่ซ้ายของเขาจนหงายหลังล้มลงปืนหลุดจากมือ จอมโจรหนอนหนังสือวิ่งตรงเข้าไปฉวยโอกาส หยิบปืนของตำรวจไว้ในมือ แล้วเอาเหน็บเอวไว้
จากนั้นจอมโจรหนอนหนังสือวิ่งมาเปิดประตูกระจก ก้าวออกมาภายนอก แต่มันต้องชะงักที่จะวิ่งต่อไปเพราะตำรวจล้วนล้อมรายรอบหน้าร้านไว้หมดแล้ว มีรถตำรวจกั้นปิดถนนเอาไว้ หวอสีแดงวูบๆ วาบๆ ตลอดเวลา กล้องจากหลายช่อง เล็งเป้ามาที่มันเช่นเดียวกับมือในปืนตำรวจ มันรีบถลันกลับเข้าไปในร้านพร้อมกับแสงแฟลชที่วูบวับ ผลัดกันเปล่งแสงเพื่อเก็บภาพ จอมโจรหนอนหนังสือมือกุมปืนแน่น เหงื่อกาฬไหลเปียกโชกไปทั้งหน้าและแผ่นหลังของมันจนเสื้อแฉะ ทั้งๆ ที่แอร์ในร้านก็เปิดไว้ แต่ไม่ช่วยให้จอมโจรหนอนหนังสือรู้สึกเย็นขึ้นได้เลย
“ยอมมอบตัวซะดีๆ จอมโจรหนอนหนังสือ เราล้อมคุณไว้หมดแล้ว มอบตัวซะโทษหนักจะได้เป็นเบา” เสียงตำรวจประกาศกร้าวผ่านเครื่องขยายเสียง
จอมโจรหนอนหนังสือ เริ่มกระสับกระส่ายเดินวนไปเดินวนมาราวมดหัวด้วน ปืนในมือมันบางครั้ง ก็แกว่งไกวไปตามแรงเดิน บางครั้งก็กราดชี้มาที่ตัวประกันทั้ง 5 คน ซึ่งกำลังหมอบราบไปกับพื้น แต่ผมเหลือบดูเหตุการณ์แทบจะตลอดเวลา โดยมันไม่ได้สังเกต ปากของมันสบถ คำหยาบคายออกมาตลอดเวลา
“ ไอ้เหี้ย…ไม่น่าเลย ไม่น่าเป็นแบบนี้เลย” นี่เป็นประโยคหนึ่งที่มันหลุดปากออกมา
ตัวประกันมีผู้หญิง 3 คน ผู้ชาย 2 คน คือตำรวจคนนั้นที่นอนกุมแผลซึ่งที่ไหล่ซ้ายของเขาเริ่มมีเลือดไหลออกมาจนเสื้อเปียก และพนักงานอย่างผม ส่วนที่เหลือเป็นหญิงสูงอายุ 1 คน กับวัยรุ่นหญิงในชุดนักศึกษา 2 คน
ในที่สุดมันก็ดิ่งตรงมาที่ผม กระชากคอเสื้อของผมให้ลุกขึ้น ฉุดดึงผมไปที่ประตู เปิดประตูออก มือซ้ายของมันล็อคคอผมไว้ มือขวากดปลายกระบอกปืนที่เย็นชา และก้าวร้าวไว้ที่ขมับขวาของผม
“กูไม่ยอมมอบตัว หากกูไม่ได้สิ่งที่กูต้องการ หากมึงไม่ทำตาม กูจะฆ่าตัวประกันทีละคน” มันประกาศกร้าว น้ำเสียงแม้มีความลังเลหวาดวิตกเคลือบแฝง แต่มันก็พยายามกลบเกลื่อนด้วยเสียงที่ดุดัง
“มีอะไรค่อยพูดค่อยจากันนะครับ เจรจากันได้ คุณยังไม่เคยทำร้ายใครไม่ใช่เหรอก็แค่ปล้นหนังสือ เรื่องเล็กน้อย” ตำรวจสูงวัยนายนั้น พูดสุภาพกว่าคนแรกมาก ผมว่าเขาคงมีจิตวิทยาในการเกลี้ยกล่อมคนร้าย ได้ดีกว่าคนแรกที่มีแต่คำขู่
“แต่ผมยิงตำรวจไปคนหนึ่งแล้วเขานอนอยู่ในร้าน…..” ผมรู้สึกว่ามันอ่อนลงบ้าง
“เหรอ งั้นขอให้เขาออกมา แล้วพาเขาไปโรงพยาบาลได้ไหม ก่อนเรื่องมันจะลุกลามใหญ่โตไปกว่านี้”
มันเงียบไปประมาณ 5 นาที
“ก็ได้” ในที่สุดมันก็ตัดสินใจ รวดเร็วกว่าที่ผมคิด
ตำรวจ 2 นายชูมือแล้วเดินออกมาจากวงล้อม เพื่อนำตัวตำรวจที่ถูกยิงออกมาจากร้าน มันยังล็อค คอผมไว้แน่นปืนยิ่งกดที่ขมับผมแรงขึ้นจนผมสัมผัสได้ถึงความเครียดความกดดันที่มันกำลังเผชิญ
“ขอบใจมาก คุณทำได้ดีมาก คุณยอมมอบตัวซะตอนนี้ดีกว่านะครับ ผมรับรองความปลอดภัยให้คุณเอง” นายตำรวจผู้นั้นคงเห็นว่า จอมโจรหนอนหนังสือใจอ่อนลงมาก จึงฉวยโอกาสนี้เจรจา
“ผมบอกแล้วไง หากผมไม่ได้ในสิ่งที่ผมต้องการ ผมจะฆ่าทีละคน ผมไม่ได้พูดเล่นนะ”
มันพูดแรงขึ้นมาอีกครั้ง
“แล้วคุณต้องการอะไร”
มันเงียบอีกครั้ง ทุกคนรอฟังคำขอจากมัน และมันก็ราวกับกำลังเรียบเรียงความคิด ในที่สุดมันก็พูด
“ผมต้องการ…..ให้หนังสือเป็นสินค้าควบคุมเช่นเดียวกับ น้ำมัน หรือ ข้าว หากราคาแพงเกินไป รัฐบาลต้องเข้ามาแทรกแซงราคา เพื่อไม่ให้หนอนหนังสือในเมืองไทยที่มีน้อยและจนอยู่แล้ว ได้เสพงานดีๆ แต่ราคาถูก และต่อจากนี้ไปรัฐบาลต้องออกกฎหมาย ให้นักเรียนไทยที่ไปเรียนต่างประเทศ จะต้องแปลหนังสืออะไรก็ได้ของประเทศนั้นเป็นภาษาไทยอย่างน้อย 1 เล่ม และห้องสมุดในต่างจังหวัดทุกแห่งที่มีอยู่แล้ว จะต้องสามารถเชื่อมต่อกับห้องสมุดแห่งชาติได้ และสามารถติดต่อขอยืมหนังสือทุกเล่ม ในห้องสมุดแห่งชาติ เฉพาะหนังสือที่สามารถให้ยืมได้ โดยผ่านการเชื่อมต่อทางอินเตอร์เน็ต นี่ละคือสิ่งที่ผมต้องการ” มันร่ายยาวราวกับท่องจำมา จนผมคิดไปเองว่านี่อาจเป็นแผนหนึ่งของมันที่วางไว้ แต่มันผิดพลาดตรงที่ มีเหตุการณ์ที่ทำให้มันต้องทำร้ายตำรวจ แม้ผมไม่เห็นใบหน้าแววตาของมันที่ถูกถุงน่องปิดบังอยู่ แต่ผมรู้สึกว่าเสียงของมันเด็ดเดี่ยวขึ้นอีกครั้ง หลังจากมันลังเลในการตัดสินใจของตัวเอง แต่เวลานี้เหมือนกับมันควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น
เมื่อเขา (ผมไม่อยากเรียกเขาว่า “มัน” แล้วละ) พูดจบ ความกลัวปริวิตกก็แทบจะมลายหายไปสิ้น เวลานี้ความรู้สึกส่วนใหญ่ของผมนั้น ปรากฏสิ่งที่ผมคิดว่าเขาไม่มีทางฆ่าใครได้ ตำรวจ และทุกคนที่ได้ยิน ข้อแลกเปลี่ยนของเขา คงล้วนแต่แปลกใจเช่นเดียวกับผม ผมยังคิดต่อไปอีกว่า มันเป็นข้อเสนอที่เข้าท่าที่สุดนับแต่ผมได้ยินข้อแลกเปลี่ยน จากในภาพยนตร์หรือข่าว มาตลอดชีวิต เหตุที่ผมมาทำงานร้านหนังสือ ก็เพราะผมเป็นนักอ่านคนหนึ่งเช่นกัน แต่ก็รู้กันอยู่ว่าหนังสือในเมืองไทยนั้น แพงจะตาย

ที่มา http://www.psevikul.com

วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่5

5หนังสือใหม่ ที่อยากให้คนไทยอ่าน
“จากการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติเมื่อปี 2546 พบว่าคนไทยอ่านหนังสือเพียง 7 บรรทัดต่อคนต่อวัน หรือเฉลี่ย 5 เล่ม ต่อคนต่อปี ขณะที่สิงคโปร์อ่าน 17 เล่ม สหรัฐอเมริกา 50 เล่ม ปี 2550 คนไทยมีนิสัยรักการอ่านเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 ทั้งนี้ยังไม่มีการตีค่าออกมาว่า คนไทยอ่านหนังสือเพิ่มขึ้นเป็นวันละกี่บรรทัด หรือปีละกี่เล่ม แต่ตั้งเป้าไว้ที่ 12 บรรทัดต่อวัน”
สุดสัปดาห์เห็นด้วยว่าการอ่านหนังสือคือประตูเปิดสู่โลกกว้าง จึงได้คัดเลือกหนังสือออกใหม่ ในหมวดต่างๆ จำนวน 5 เล่มมาให้ ทั้งนี้เพื่อช่วยกันทุบสถิติ แม้จะไม่ทันอเมริกา แต่ชนะสิงคโปร์ก็ยังดี
1จอมโจรหนังสือ (The Book Thief) โดย มาร์กัส ชูชัค ผู้แปล บีจา ราคา 430 บาท
2ชุดนักสืบแฮรี่ บอช เสียงสะท้อนจากความมืดโดย ไมเคิล คอนเนลลี่ ผู้แปล สุเมธ เชาว์ชุติ ราคา 305 บาท
3ใบไม้แดงโดย วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล ราคา 135 บาท
4The Okinawa diet planGet Leaner, Live Longer, and Never Feel Hungryโดย Bradley J. Willcox,D. Craig Willcox และ Makoto Suzuki ราคา 621 บาท 5โลกพลิกโฉมความมั่งคั่งในนิยามใหม่(POST KNOWLEDGE BASED SOCIETY) โดย สุวิทย์ เมษินทรีย์ราคา 250 บาท

วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ข่าวสารประจำสัปดาห์ ที่ 3

กระทรวงมหาดไทย จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวหนังสือ “มะลิ”
Thursday, 29 July 2010 15:50 -- ทั่วไป
google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);
กรุงเทพฯ--29 ก.ค.--กระทรวงมหาดไทย
ในนามของกระทรวงมหาดไทย ขอเรียนเชิญท่านสื่อมวลชนร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวหนังสือ “มะลิ” โดยเป็นหนังสือแจกฟรี จัดทำขึ้นโดยกระทรวงมหาดไทย มีเนื้อหาเกี่ยวกับวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ วัฒนธรรม ของชาว 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจระหว่างคนต่างพื้นที่ พร้อมทั้งเป็นการให้ความรู้กับเยาวชนและผู้ที่สนใจ โดยงานแถลงข่าว กำหนดจัดขึ้น ในวันอังคารที่ 3 สิงหาคม 2553 ระหว่างเวลา 17.00 – 19.00 น. ณ ลานอินฟินิซิตี้ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน
ภายในงานท่านจะได้พบกับการพูดคุยเกี่ยวกับหนังสือ “มะลิ” โดยท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายถาวร เสนเนียม และร่วมเสวนา ในหัวข้อ “เปิดมุมมองใหม่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประสบการณ์แห่งความสุข” โดยผู้ร่วมเสวนา ได้แก่ พ.อ. สรรเสริญ แก้วกำเนิด, เก้า – จิรายุ ละอองมณี และตัวแทนเยาวชนจากพื้นที่ภาคใต้ โดยการดำเนินรายการของพิธีกรชื่อดัง คุณกฤษนะ ละไล รวมทั้งเยี่ยมชมนิทรรศการให้ความรู้ และกิจกรรมอื่นๆอีกมากมาย
ที่มา www.newswit.com

วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ข่าวสารประจำสัปดาห์ ที่ 2

ข่าวการเปิดตัวหนังสือแปลยอดเยี่ยมแห่งยุค

ระบำชีวิต (Zoya) บทประพันธ์ของ DANIELLE STEEL
เสาวณีย์ นิวาศะบุตร แปล
ดร.ถนอมวงศ์ สุกโชติรัตน์ ล้ำยอดมรรคผล บรรณาธิการ

สำนักพิมพ์เรือนปัญญา ขอเรียนเชิญร่วมงานวันเปิดตัวนวนิยายเรื่องเยี่ยมของยอดนักเขียนหญิงชื่อดังแห่งยุค

สำนักพิมพ์เรือนปัญญา ขอเรียนเชิญร่วมงานวันเปิดตัว นวนิยาย เรื่อง ระบำชีวิต จากบทประพันธ์ของ ดาเนียล สตีล แปลโดย เสาวณีย์ นิวาศะบุตร งานจะจัดขึ้นที่เวทีฮอลล์เอ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๒ ระหว่างเวลา ๑๒.๐๐ – ๑๓.๐๐ น. โดยจัดเสวนา เรื่อง ระบำชีวิต...ชีวิตเริงระบำ พร้อมรับประทานอาหารว่าง และพูดคุยซักถามกับนักแปล และผู้ช่วยบรรณาธิการ โดยมี ดาราหญิงยอดนิยม เบนซ์ พรชิตา ณ สงขลา ดำเนินรายการ

ประวัติ Danielle Steel ดาเนียล สตีล
นักเขียนนิยายชีวิตและโรมานซ์ ชื่อดังชาวอเมริกัน Danielle Fernande Dominique Schuelein-Steel เกิดวันที่ ๑๔สิงหาคม ๑๙๔๗ (ปัจจุบันอายุ ๖๒ ปี )
บิดาชื่อ John Schulein-Steel เป็นทายาทเจ้าของโรงงานเบียร์ Lowenbrau
มารดาชื่อ Norma da Camara Stone Reis เป็นธิดานักการทูตชาวปอร์ตุเกศ
ดาเนียล สตีล ใช้ชีวิตวัยเด็กในประเทศฝรั่งเศส หลังจากบิดามารดาหย่าขาดจากกัน จึงwxใช้ชีวิตอยู่ในนิวยอร์กกับบิดา เธอสำเร็จการศึกษาจากสถาบัน Lycee Francais de New York ในปี ค.ศ. 1965 และศึกษาวิชา literature design และ fashion design ที่ Parsons School of Design ในปี 1963 และที่ New York University ในปี 1963-1967
ดาเนียล สตีล ผ่านการแต่งงานถึง ๕ ครั้ง มีบุตรธิดา ๙ คน ปัจจุบันเป็นโสด
ดาเนียล สตีล เริ่มเขียนนิทานตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และเริ่มเขียนบทกวีเมื่อเข้าวัยรุ่น
เธอเริ่มทำงานครั้งแรกเป็นนักเขียนบทโฆษณาให้กับบริษัทโฆษนาแห่งหนึ่งในนิวยอร์ก บรรดาลูกค้าต่างพอใจกับบทโฆษณาของเธอและสนับสนุนให้เธอเขียนนวนิยาย
หลังหย่ากับสามีคนแรก นวนิยายเรื่องแรกของเธอ Going Home ก็ได้รับการตีพิมพ์ในปี 1973
จากนั้นมานิยายทุกเรื่อง ของเธอ ได้ติดอันดับ Best Seller ของหนังสือพิมพ์ New York Times
ในปี 1989 เธอได้รับเกียรติบันทึกใน Guinness Book of World Records ว่าเป็นนักเขียนที่ติดอันดับ New York Times Best Seller List นานที่สุดถึง 381 สัปดาห์ติดต่อกัน
จากปี 1973 เป็นต้นมา สตีลเขียนนวนิยายทั้งหมดถึง 81 เรื่อง สองเรื่องล่าสุดจะออกจำหน่ายในปี 2010 ในจำนวนนี้ 22 เรื่องได้รับการถ่ายทำเป็นภาพยนตร์ สองเรื่องได้รับเสนอให้เข้าชิงรางวัล Golden Globe Award
นอกจากเขียนนวนิยายชีวิตแล้ว สตีลยังเขียน บทกวี (1984-1988) หนังสือชุดสำหรับเด็ก (1989-1992) และหนังสือภาพสำหรับเด็ก The Happiest Hippo in the World (2009).
สตีลได้ขายหนังสือทั้งหมดแล้วเป็นจำนวนถึง 550 ล้านเล่มทั่วโลก (สถิติปี 2005) หนังสือของเธอได้รับการแปลเป็นภาษาต่างประเทศถึง 28 ภาษา และมีจำหน่ายใน 47 ประเทศทั่วโลก เธอเป็นนักเขียนขายดีอันดับเจ็ดของโลก นับตั้งแต่มีการจัดอันดับเป็นต้นมา (seventh best selling writer of all time).
Zoya เป็นนิยายติดอันดับ Best Seller ในปี 1988 ได้รับการถ่ายทำเป็นภาพยนตร์ในปี 1995 นำแสดงโดย Melissa Gilbert (โศญา), Bruce Boxleitner (เคลย์ตัน แอนดรูวส์) และ Diana Rigg (เคาน์เตส เยฟเจนี)








คำนิยม
งานแปลวรรณกรรมเป็นงานสร้างสรรค์ ที่ไม่ใช่ใครๆ ก็ทำได้ เพราะในการแปลวรรณกรรมนั้น นอกจากผู้แปลจะต้องรู้ภาษาทั้งสองภาษาอย่างดีแล้ว ยังจะต้องเข้าใจและสามารถถ่ายทอดบริบททางวัฒนธรรมของต้นฉบับเดิมได้ด้วย หากผู้แปลรู้ภาษาแต่ขาดความเข้าใจบริบททางวัฒนธรรม ผลงานมักจะผิดพลาด ขาดอรรถรส และในบางครั้งอาจจะอ่านไม่รู้เรื่องเอาเสียเลย
จึงต้องขอชื่นชมผลงานแปลของคุณเสาวณีย์ นิวาศะบุตร เรื่อง Zoya ของ Danielle Steel
ที่แปลได้อย่างงดงาม นอกจากภาษาสละสลวยแล้ว Zoya ฉบับภาษาไทย ยังคงอรรถรสของต้นฉบับภาษาอังกฤษได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งนี้เพราะผู้แปลเข้าใจและสามารถถ่ายทอดบริบททางวัฒนธรรมอันหลากหลาย ทำให้ผู้อ่านติดตามลีลาชีวิตที่เต็มไปด้วยสีสันของ “โศญา” ได้อย่างสนุกสนาน และประทับใจ จนแทบวางไม่ลง

นิตยา มาศะวิสุทธิ์
ที่ปรึกษาสมาคมภาษาและหนังสือแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
จากบรรณาธิการ ถึงผู้อ่านที่รัก

ถ้าเป็นนก ชีวิตยังไม่สิ้นก็ต้องบินไป... ถ้าเป็นปลา ย่อมแหวกว่ายธาราจนวันตาย... แต่ชีวิตของหญิงสาวแสนสวยคนหนึ่งที่จากฟากฟ้าสู่ดินเพราะวิกฤตการเมือง ต้องเต้นระบำต่อไป เพราะเธอเกิดมาเพื่อเต้นระบำ ทั้งระบำปลายเท้า ระบำชีวิต และระบำที่ต้องเต้นเพื่อชีวิตรอด
ดาเนียล สตีล เป็นนักเขียนชื่อดังมากว่า ๓๕ ปี ผลงานทุกเล่มขายได้ขายดีมายาวนาน เพราะการสร้างเรื่องที่ตื่นเต้นเร้าใจ ตั้งแต่ต้นจนจบ โครงสร้างของเรื่องชัดเจน สำนวนการเขียนเข้าใจง่าย ไม่อลังการ ไม่เป็นวิชาการ แต่เป็นการเล่าเรื่องที่ตรงไปตรงมา ในฐานะบรรณาธิการที่ต้องอ่านหลายต่อหลายรอบ อ่านกี่รอบก็ตื่นเต้นไปกับชีวิตของเธอผู้แสนสวยบาดใจ ในยามทุกข์เธอช่างแกร่งกล้า คนอ่านจึงเอาใจช่วยได้ทุกครั้ง ไม่เสียแรงที่อ่านไปให้กำลังใจไป ในยามสุข เมื่อมีหนุ่มหล่อมารักเธอเหลือเกินก็ไม่อยากจะอิจฉา เพราะว่าเข้าข้างนางเอกของเราไปแล้วตั้งแต่ต้น
การทำงานบรรณาธิการเล่มนี้ แม้ว่าจะหนักตามจำนวนหน้าแต่ก็มีคุณค่าทางอารมณ์และจิตใจ เหมือนเข้าไปอยู่ในชีวิตของเธอ ย้อนหลังตั้งแต่การปฏิวัติในรัสเซีย ถึงช่วงสงครามโลกมาจนถึงช่วงที่ผู้อ่านหลายคนคงเกิดทัน หรืออย่างน้อยก็ทันดูภาพยนตร์ และทันรู้จักเจ้าแห่งแฟชั่นบันลือโลกหลายคน ถึงแม้ผู้อ่านจะเป็นคนรุ่นใหม่วัยเยาว์ การได้อ่านนวนิยายที่ทำให้เราจินตนาการย้อนหลังไปเห็นโลกแห่งความเป็นจริง และทำให้เกิดกำลังใจที่จะเต้นระบำไปกับชีวิต ...อย่างโศญา... ก็คุ้มค่าที่ได้อ่าน ไม่ต้องสวยมากนัก ไม่ต้องรวยล้นเหลือ แต่ขอให้เชื่อมั่นในการทำความดี และให้อภัยตนเองบ้าง หากเปลี่ยนอดีตไม่ได้ และไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต ผู้อ่านก็จะเป็นเพื่อนกับเธอได้ตลอดสี่ร้อย
กว่าหน้าเช่นเดียวกับบรรณาธิการ
ขอให้มีความสุขกับการอ่านนะคะ

ถนอมวงศ์ สุกโชติรัตน์ ล้ำยอดมรรคผล
กันยายน ๒๕๕๒

คำนำผู้แปล
ผู้แปลชอบอ่านบทประพันธ์ของ ดาเนียล สตีล มาก โดยเฉพาะเรื่อง Zoya ที่ได้อ่านมานานแล้ว และประทับใจจนต้องอ่านซ้ำหลายครั้ง พร้อมกับตั้งใจว่าสักวันหนึ่งจะต้องแปลเป็นภาษาไทยให้ได้ เมื่อวางมือจากงานอาชีพ จึงเริ่มลงมือแปล แต่ก็ทำได้ไม่มาก เพราะเหตุการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตทำให้ต้องพักงานแปลไป
นอกจากจะเป็นแฟนของ ดาเนียล สตีล แล้ว ผู้แปลยังเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ “ดวงใจ” อีกด้วย
ไม่นานมานี้ได้อ่าน “ย่ำสนธยา โรมานอฟ” ของ “ดวงใจ” จึงเกิดความคิดที่จะแปล Zoya ต่อให้จบ
เมื่อนำความไปคุยกับบรรดาญาติมิตร ก็ได้รับการสนับสนุนพร้อมทั้งแนวคิดที่สร้างสรรค์และให้กำลังใจ
จึงได้เอา Zoya ออกมาปัดฝุ่นแปลต่อ นับว่า “ดวงใจ” เป็นผู้ที่จุดประกายโดยมิได้รู้ตัว ให้สาวน้อยโศญาได้ออกมาเริงระบำต่อจนจบ จึงขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
“ระบำชีวิต” เป็นนิยายชีวิตที่แทรกไว้ในเหตุการณ์จริงของประวัติศาสตร์ แม้จะมีเหตุการณ์บางตอนที่เกี่ยวข้องกับเจ้านายในราชวงศ์โรมานอฟของรัสเซีย แต่บทบาทของเจ้านายในเรื่องก็เป็นความใกล้ชิดสนิทสนมภายในครอบครัว ผู้ประพันธ์จึงมิได้เน้นการใช้ราชาศัพท์แต่อย่างใด นอกจากนี้ เจ้านายรัสเซียในสมัยนั้นก็มีสองประเภทได้แก่ เจ้านายในราชตระกูล อันได้แก่ พระเจ้าแผ่นดิน พระราชโอรส และ พระราชธิดา ซึ่งมียศเป็นแกรนด์ดยุค (เจ้าชาย) และแกรนด์ดัชเชส (เจ้าหญิง) การพูดและเขียนถึง เจ้านายในราชตระกูล นั้นต้องใช้ราชาศัพท์ทั้งสิ้น ส่วนเจ้านายอีกประเภทหนึ่งคือ เจ้าตั้ง ซึ่งจะเป็นใครก็ได้ที่มีชื่อเสียงและความดีความชอบ จนได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าชาย เจ้าหญิง การพูดหรือเขียนถึง เจ้าตั้ง ตลอดจน พระญาติ ของพระเจ้าแผ่นดิน อันได้แก่ เคานต์ และ เคาน์เตส นั้นไม่ต้องใช้ราชาศัพท์ อย่างไรก็ตาม เมื่อใดที่ต้องใช้ราชาศัพท์ ผู้แปลก็พยายามใช้ให้ถูกต้องตามที่ควรแต่มิได้เคร่งครัดจนเกินไป จึงขอเรียนท่านผู้อ่านไว้ด้วยความเคารพว่าการใช้คำราชาศัพท์ในเรื่องแปลนี้อาจไม่ถูกต้องตามแบบอย่างนัก
ถ้า “ระบำชีวิต” สามารถทำให้ท่านผู้อ่านได้รับความเพลิดเพลินสมกับความตั้งใจ ผู้แปลก็ขอยกความดีนั้นให้กับสมาชิกทุกคนในครอบครัว พี่น้องผองเพื่อน โดยเฉพาะญาติมิตรนักส่งเสริมการอ่านแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มิตรรักนักแปลบางท่าน ตลอดจนคณะผู้จัดทำทุกท่าน ที่ให้กำลังใจและช่วยสร้างสรรค์ “ระบำชีวิต” จนสำเร็จเป็นรูปเล่มอันสวยงามอยู่ในมือของท่านในขณะนี้
หาก “ระบำชีวิต” มีข้อบกพร่องแต่ประการใด ผู้แปลขอน้อมรับผิดไว้ ณ ที่นี้ด้วย

เสาวณีย์ นิวาศะบุตร
กันยายน ๒๕๕๒



คำนำสำนักพิมพ์

เราทำหนังสือด้วยความรัก เลือกทำหนังสือดี ควรค่าน่าอ่าน ให้ทั้งสาระและความบันเทิง เมื่อมีนักแปลหน้าใหม่แต่มากฝีมือ มานำเสนอผลงานของนักเขียนสตรีชื่อดัง ผู้มีผลงานต่อเนื่องยาวนาน อ่านสนุก ให้แง่คิดเกี่ยวกับชีวิตที่น่าสนใจ แม้จะเป็นหนังสือแนวที่เรายังไม่เคยจัดพิมพ์ แต่ด้วยความมั่นใจทั้งในฝีมือของผู้เขียน และผู้แปล เราจึงขอนำเสนอผลงานนวนิยายเรื่องราวของชีวิตเล่มนี้สู่สายตาผู้อ่าน หากผู้อ่านชื่นชอบ สำนักพิมพ์ก็จะเลือกสรรหนังสือดีแนวนี้มาเสนอต่อไป
ขอขอบคุณที่อุดหนุนผลงานของสำนักพิมพ์เสมอมา

ด้วยไมตรีจิต
สำนักพิมพ์เรือนปัญญา



ประวัติผู้แปล
ชีวิตคือละคร
เสาวณีย์ (บินเทพ) นิวาศะบุตร เปิดฉากใหม่ของชีวิตเมื่ออายุเจ็ดสิบสอง

อดีต... เป็นชาวกรุงเทพมหานคร เคยใช้ชีวิตในแดนไกล เคยท่องไปในโลกกว้าง
เคยผ่านทุกข์สุข ความรักและการสูญเสีย ความล้มเหลวและความสำเร็จ
เคยท้อ แต่ไม่เคยถอย เคยเจ็บปวดซวดเซ แต่ไม่เคยทรุด

ปัจจุบัน... เป็นชาวจังหวัดเพชรบุรี พอใจกับชีวิตที่พอดี พอเพียง พอให้ และไม่ประมาท
อบอุ่นกับความรักและห่วงใยจากลูกหลาน และพี่น้องผองเพื่อน
เติมความสุขให้ชีวิตด้วยการทำงาน และการเดินทางเมื่อมีโอกาส

สุขใจและภูมิใจมากกับ “ระบำชีวิต” งานแปลเล่มแรก แต่ไม่ใช่เล่มสุดท้าย...

-----------

การศึกษาและการทำงานของผู้แปล (ข้อมูลต่อไปนี้ไม่ได้ลงพิมพ์ในหนังสือ)

B.A. General Education: (English, H.R. Management), The American University, Wash. D.C.
Cert. in Executive Program: Women in Business, William and Mary College, Virginia
Cert. in Senior Executive Program: H.R. Development, Graduate School of Business, Columbia University, New York

การทำงาน:
Lever Brothers (Thailand) Ltd. – Secretary, Bangkok
The World Bank - H.R. Specialist, Washington, D.C. (Retired)
The Non-Profit Management Association - H.R. Director, Washington, D.C.
The Friends of National Library of Medicine – H.R. and Event Director, Wash. D.C.
สัญญางานแปลอิสระ:
The World Bank,
U.S. Dept. of State,
U.S. Dept. of Justice,
The Federal Bureau Of Investigation (F.B.I.),
Motor Vehicle Administration, Maryland (M.V.A.)
Private translation agencies, U.S.A
สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข
สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม
งานแปลนวนิยาย:
ระบำชีวิต (เรื่องแรก พ.ศ. ๒๕๕๒)
งานสอนหนังสือ:
The Montgomery College, Maryland, U.S.A.
English/Thai Private Lessons, Maryland and Washington, D.C. U.S.A.


กันยายน ๒๕๕๒ เรื่องย่อ “ระบำชีวิต”

ภาค 1 เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
โลกแห่งความสูงศักดิ์ของ เคาน์เตสโศญา คอนสแตนตินอฟนา โอสสุโพฟ ต้องล่มสลายลงหลังจากการปฏิวัติรัสเซีย พระเจ้าซาร์และพระบรมวงศานุวงศ์ถูกจับกุม และถูกประหารในที่สุด บิดามารดาและพี่ชายคนเดียวของโศญา เสียชีวิตในการจลาจล โศญาพร้อมด้วยเคาน์เตสเยฟเจนี โอสสุโพฟ ผู้เป็นย่า และฟีโอดอร์ คนรับใช้ชราผู้ซื่อสัตย์ หนีรอดออกจากนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กมาได้
ภาค 2 ปารีส
โศญาพร้อมด้วยคุณย่าและฟีโอดอร์ เดินทางรอนแรมสู่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และดำรงชีวิตอย่างขัดสน โชคดีที่โศญารักการเต้นระบำปลายเท้าเป็นที่สุด และได้ฝึกฝนกับคณะบัลเลต์ของมาดามนาสโตวา มาแต่ยังเด็ก เธอจึงได้ใช้ความสามารถและพรสวรรค์ในการเต้นระบำปลายเท้าเลี้ยงชีพ โศญาได้พบและรักกับร้อยเอกเคลย์ตัน แอนดรูว์ส แห่งกองทัพบกอเมริกัน ผู้ต้องจากเธอไปด้วยภาระหน้าที่ในเวลาต่อมา ทิ้งให้โศญาผจญชีวิตท่ามกลางความขัดสนแร้นแค้นในกรุงปารีส ระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง โศญาต้องสูญเสียคุณย่า และฟีโอดอร์ผู้ซื่อสัตย์ ต่อมาเมื่อสงครามสงบ ร้อยเอกเคลย์ตัน แอนดรูว์ส กลับมาแต่งงานกับโศญาและพาเธอกลับสหรัฐอเมริกา
ภาค 3 นิวยอร์ก
ชีวิตของโศญาในนครนิวยอร์ก กับสามีและบุตรสองคนดำเนินไปอย่างสมบูรณ์พูนสุข จนกระทั่งเกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลกตกต่ำ โศญาต้องประสบเคราะห์กรรมอีกครั้งหนึ่ง เมื่อเคลย์ตัน แอนดรูวส์ เสียชีวิตและโศญาได้พบว่าธุรกิจของสามีขาดทุนย่อยยับ ทั้งยังมีหนี้สินท่วมท้น จนทรัพย์สินทั้งหมดที่มีถูกยึด เธอต้องหาเลี้ยงชีพตนเองและลูกทั้งสองด้วยการเป็นนางระบำในสถานบันเทิงยามราตรี จนเกือบจะต้องสูญเสียลูกทั้งสองในเหตุเพลิงไหม้ เธอจึงตัดสินใจเลิกอาชีพนางระบำ และหันมารับจ้างเป็นพนักงานขายในห้องเสื้อสตรีของมาดาม แอ็กแซลล์ ดูปุยส์ จากการที่ได้เติบโตมาในวงสังคมชั้นสูง มีความรักและคุ้นเคยกับเสื้อผ้าอาภรณ์อันหรูหราสวยงาม ทำให้โศญามีกิริยา มารยาท รสนิยม และความสามารถที่ดึงดูดลูกค้า จนเป็นที่พอใจของมาดามดูปุยส์
โศญามีโอกาสเดินทางกลับปารีสอีกครั้งหนึ่ง และได้พบกับ ไซมอน เฮิร์ช เศรษฐีเจ้าของธุรกิจเสื้อผ้าชาวอเมริกัน ได้แต่งงานและใช้ชีวิตในนิวยอร์กอย่างมีความสุขกับไซมอน พร้อมมีบุตรชายอีกคนหนึ่ง ต่อมาเธอได้เปิดห้องเสื้อสตรีของตนเอง ชื่อ“เคาน์เตส โศญา” และประสพความสำเร็จอย่างงดงาม สงครามโลกครั้งที่สองเกิดขึ้น โศญาต้องประสบความสูญเสียครั้งใหญ่อีก เมื่อไซมอนเสียชีวิตในสมรภูมิด้านแปซิฟิค และ ซาชา บุตรสาวเสียชีวิตในอุบัติเหตุรถยนต์ โศญาดำรงชีวิตต่อไปอย่างเข้มแข็ง ในบั้นปลายของชีวิตที่ผันผวนดุจลีลาระบำของเธอนั้น โศญาได้มีโอกาสหวนกลับไปเยือนนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กอีกครั้งหนึ่ง พร้อมด้วยโศอี้ผู้เป็นหลานย่า


กันยายน ๒๕๕๒

ที่มา www.tulaw241.com

วันศุกร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2553





















ภาพ Gadgets ล้ำยุคเมื่อปี 1920














สวัสดีครับไม่เพียงแต่คนยุคนี้เท่านั้นที่มีความคิดประดิษฐ์ Gadgets แปลกๆ ล้ำสมัย แต่เมื่อเกือบร้อยปีก่อนก็มี Gadgets แปลกๆ ให้คนในสมัยนั้นได้ใช้เช่นกันMaurice Collins ได้สะสม Gadgets ในยุค 50-100 ปีก่อนไว้กว่า 1,400 ชิ้น และได้คัดเลือก 50 ชิ้นที่คิดว่ายอดเยี่ยมนำมาจัดแสดงที่ British Library Business and Intellectual Property Centre ที่ประเทศอังกฤษ พวกเรามาชม Gadgets บางชิ้นที่แปลกแหวกแนว และบางชิ้นก็เป็นความคิดที่ล้ำยุค ที่คนในยุคนี้ยังต้องที่งครับ1. Route-finder Wrist Watch เป็น Gadget ในยุคปี 1920 ซึ่งในสมัยนั้นยังไม่มีดาวเทียม แต่นาฬิกาข้อมือเรือนนี้ สามารถบอกสถานที่ให้กับผู้สวมได้ โดยการบรรจุแผนที่ขนาดเล็กๆ ไว้ภายใน และมีการเปลี่ยนสถานที่ไปตามการเดินทางของผู้สวมอีกด้วย เป็นสิ่งประดิษฐ์ล้ำยุคที่ไม่มีใครสนใจ เนื่องจากยังไม่มีการเดินทางด้วยรถยนต์มากมายเหมือนสมัยนี้ เปรียบกับสมัยนี้ก็เหมือนกับระบบ GPS นั่นเอง





2. Pistol Purse เป็น gadget ในยุคเมื่อเกือบ 100 ปีก่อน ออกแบบให้กระเป๋าของสุภาพสตรี ซ่อนปืนขนาดเล็กสำหรับป้องกันตัว ซึ่งสามารถบรรจุกระสุนได้เพียงนัดเดียว (เป็นข้อเตือนใจว่าไม่จำเป็นอย่ายิง และไม่แม่นก็อย่ายิง เอาไว้ขู่ก็น่าจะพอ!)








3. Electro Massager เป็น Gadget ในยุคปี 1930 ที่การนวดเถือป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ช่วยรักษาสุขภาพ กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต แต่ Gadget นี้ออกแบบมาพิเศษตรงที่ระหว่างการนวดจะมีการปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมาด้วย ทำให้ผู้ใช้มีความรู้สึกเหมือนถูกไฟช๊อตนิดๆ



4. Moustache Protector อันนี้เป็น Gadget สำหรับชายหนวดดก เวลาที่ต้องทานซุป ชา กาแฟ หรือไอสครีม ออกแบบ Gadget มาเป็น Set มีทั้งที่ปิดหนวด ช้อนสำหรับรับประทานโดยไม่ทำให้หนวดเปื้อน และถ้วยสำหรับจิบชากาแฟ โดยไม่เลอะหนวดงามๆ







5. Finger Stretcher for Pianists เห็นภาพแล้ว พวกเราคงรู้สึกสยองหน่อยครับ เป็นอุปกรณ์ยืดนิ้ว เพื่อให้การเล่นเปียโนสมบูรณ์แบบขึ้น มีข่าวลือว่า Schumann ใช้ Gadget แบบนี้แต่เป็น version ก่อนหน้าที่เห็นในภาพ แล้วทำให้นิ้วเสียไป



ยังมี Gadget แปลกๆ อีกมากมายเช่น แว่นตาพร้อมไฟในตัว หม้อต้มชาอัตโนมัติ เครื่องนวดลูกนัยน์ตา เครื่องฉายหนังแบบถ้ำมอง ชักโครกแบบหรู ฯลฯ ถ้าหากพวกเราสนใจสามารถอ่านรายละเอียดและชมภาพ Gadget แปลกๆ เพิ่มได้ที่

วันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ข่าวสารประจำสัปดาห์ ที่ 1



** คินเดิล จุดประทัดสงครามราคาอีบุ๊ก **




หลังจากที่เว็บไซด์อะเมซอนออกมาประกาศลดราคาเครื่องอ่านอีบุ๊ก Kindle DX เมื่อสัปดาห์ก่อนจากราคา 489 เหรียญ เหลือ 379 เหรียญ และลดราคารุ่นเล็กสุดเหลือเพียง 189 เหรียญ ส่งผลให้ผู้ผลิตหลายรายออกมาประกาศลดราคาเพื่อสู้ในสงครามเครื่องอ่านอีบุ๊กนี้ด้วย


รายงานข่าวระบุว่า หลังจากอเมซอนประกาศลดราคาคินเดิลไม่กี่ชั่วโมง ร้านหนังสือบาร์นแอนด์โนเบลก็ออกมาประกาศลดราคาเครื่องอ่านอีบุ๊ก "Nook" เหลือเพียง 199 เหรียญ รวมไปถึงค่ายยักษ์ใหญ่วงการไอทีอย่างโซนี ก็ออกมาประกาศลดราคาเครื่องอ่านอีบุ๊กรุ่น Daily Edition จากราคา 349.99 เหรียญ เหลือเพียง 299.99 เหรียญ, รุ่น Touch Edition จากราคา 249.99 เหรียญ เหลือ 169.99 เหรียญ และรุ่นเบสิคจากราคา 169.99 เหรียญ เหลือเพียง 149.99 เหรียญ


กระแสสงครามราคาเครื่องอ่านอีบุ๊กที่เกิดขึ้น ส่งผลให้นักวิเคราะห์หลายรายออกมาตั้งข้อสงสัยว่าผู้ผลิตคอมพิวเตอร์แท็ปเล็ตรายใหญ่อย่างแอปเปิล จะออกมาประกาศลดราคาไอแพดซึ่งมีราคาสูงถึง 499 เหรียญด้วยหรือไม่ ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีความคิดเห็นใดๆ ออกมาจากแอปเปิลเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว


** แอลจีเปิดตัวแอนดรอยด์ โฟน 2.2 **



วานนี้ (6ก.ค.53) แอลจีประกาศเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดในประเทศเกาหลี และอังกฤษ Optimus One และ Optimus Chic ชูระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 2.2 (Froyo) เตรียมพร้อมวางจำหน่ายปลายปี 53 นี้
โดยแอลจี Optimus One เป็นสมาร์ทโฟนที่ผลิตออกมาเพื่อรองรับการใช้แอนดรอยด์ มาพร้อมยูสเซอร์อินเตอร์เฟสที่ใช้งานง่าย ซีพียู OMAP3630 มีหน้าจอแสดงผลขนาดกว้าง 3.8นิ้ว กล้องความละเอียด High Definition รองรับการเชื่อมต่อ HDMI และ DNLA ในส่วนของ LG Optimus Chic ซึ่งเป็นแฟชันโฟน ที่ได้รับการออกแบบใหม่ให้มีความสวยงามมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ๆ อีกมากมาย
นอกจากการเปิดตัวแอนดรอยด์โฟนเวอร์ชัน 2.2 ทั้ง 2 รุ่นแล้ว แอลจียังเตรียมก้าวเข้าสู่สงครามเครื่องอ่านอีบุ๊ก ด้วยการซุ่มผลิตคอมพิวเตอร์แท็ปแล็ต ที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ และพร้อมจะส่งลงสู่สนามแข่งช่วงปลายปี 2553 นี้ด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

การศึกษาของโลกปัจจุบัน



การศึกษาของโลกปัจจุบันพุทธทาสภิกขุบรรยายอบรมกลุ่มนิสิต นักศึกษา บวชภาคฤดูร้อนณ สวนโมกขพลาราม ไชยา
๑๒ เมษายน ๒๕๑๒ วันนี้ สำหรับพวกเราได้ล่วงมาถึง ๕.๐๐ น. แล้ว จะได้พูดถึงถึงเรื่องบรมธรรมต่อไป คือจะพูดถึง “บรมธรรมกับการศึกษาของโลกในสมัยปัจจุบัน”. ก่อนที่จะพูดถึงเรื่องนั้น ก็อยากจะพูดเป็นพิเศษในข้อที่ให้สังเกตเห็นสิ่งที่เรียกว่า อุปสรรคต่อการลุถึงบรมธรรมว่าถ้ามันจะมีขึ้นในโลกสมัยนี้ ก็เพราะอะไรๆ ในโลกสมัยนี้ มีการจัดการทำอย่างไม่ตรงกับความมุ่งหมายของบรมธรรมนั่นเอง.
อาทิ เช่นการศึกษา การเมือง การเศรษฐกิจ หรือ อะไรก็ตาม ตกมาถึงสมัยนี้มันทำไปในลักษณะที่ไม่ตรงตามความมุ่งหมายของบรมธรรม และที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะเหตุที่ว่า คนในโลกไม่สนใจต่อบรมธรรม และที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะเหตุที่ว่า คนในโลกไม่สนใจต่อบรมธรรม จึงจัดทำสิ่งต่างๆ ไปในลักษณะที่ไม่ตรงต่อความมุ่งหมายของสิ่งที่เรียกว่า บรมธรรม อันเป็นของจำเป็นที่สุดสำหรับมนุษย์นั่นเอง.
มนุษย์ไม่สนใจต่อบรมธรรม ถึงกับไม่รู้จัก เพราะฉะนั้นการจัดการศึกษาเป็นต้น มันจึงไปกันคนละทาง ดังนั้นสิ่งเหล่านั้นเอง จึงกลายเป็นอุปสรรคต่อการลุถึงบรมธรรมและก็มีอยู่หลายเรื่อง. สำหรับวันนี้เราจะพูดถึงเรื่อง การศึกษา ซึ่งจะได้พิจารณากันดูโดยละเอียด ในฐานะเป็นสิ่งที่ถือกันว่าสำคัญที่สุด เป็นรากฐานของสิ่งทั้งปวง.